top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนData Investigator Team

การทดสอบความน่าเชื่อถือของแบบสอบถาม (Reliability Test) ด้วย Cronbach’s Alpha คืออะไร


Cronbach's Alpha
การทดสอบความน่าเชื่อถือของแบบสอบถามด้วย Cronbach's Alpha

การทดสอบความน่าเชื่อถือของแบบสอบถามด้วย Cronbach's Alpha


การวิเคราะห์ Reliability Test หรือการทดสอบความน่าเชื่อถือ เป็นกระบวนการสำคัญในการตรวจสอบความสม่ำเสมอของผลลัพธ์ที่ได้จากเครื่องมือวัด เช่น แบบสอบถามหรือแบบประเมิน ในงานวิจัย ความน่าเชื่อถือหมายถึงความสามารถของเครื่องมือในการให้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอเมื่อทำการวัดซ้ำหลายครั้ง ความน่าเชื่อถือสามารถวัดได้โดยใช้วิธีต่างๆ เช่น การทดสอบแบบคู่ขนาน (Parallel-Forms), การทดสอบแบบทวนสอบ (Test-Retest), และการทดสอบแบบแบ่งครึ่ง (Split-Half) หนึ่งในวิธีที่นิยมใช้มากที่สุดคือการวิเคราะห์ด้วย Cronbach's Alpha

 

ความสำคัญของการทำ Reliability Test ในงานวิจัย

 

การทำ Reliability Test เป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาและตรวจสอบเครื่องมือวัด การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือมีความสำคัญอย่างมาก เพราะถ้าเครื่องมือวัดมีความน่าเชื่อถือต่ำ ผลการวิเคราะห์ที่ได้จากการใช้เครื่องมือดังกล่าวอาจไม่น่าเชื่อถือและไม่สามารถนำไปใช้ในทางปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง

 

หากไม่ทำ Reliability Test อาจเกิดผลกระทบดังนี้:

 

  1. ข้อมูลที่ได้ไม่สม่ำเสมอ: ทำให้ยากต่อการตีความและนำไปใช้งาน

  2. ผลการวิเคราะห์ไม่น่าเชื่อถือ: ทำให้ข้อสรุปที่ได้จากงานวิจัยอาจไม่ถูกต้อง

  3. การตัดสินใจผิดพลาด: อาจทำให้การนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจหรือวางแผนผิดพลาด

 

การวิเคราะห์ Reliability Test ด้วย Cronbach's Alpha

 

หนึ่งในวิธีที่นิยมใช้ในการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของแบบสอบถามคือการวิเคราะห์ด้วย Cronbach's Alpha ซึ่งเป็นการวัดความสอดคล้องภายในของชุดคำถาม วิธีการคำนวณค่า Cronbach's Alpha จะช่วยให้เราทราบถึงระดับความสัมพันธ์ภายในของชุดคำถามว่ามีความสอดคล้องกันแค่ไหน เพื่อตรวจสอบว่าคำถามย่อยทั้งหมดที่ใช้ในการวัดปัจจัยเดียวกันมีความสัมพันธ์กันแค่ไหน โดยคำถามย่อยเหล่านี้ควรมีความคล้ายคลึงกันในเชิงเนื้อหาเพราะต่างใช้ในการวัดปัจจัยเดียวกัน เช่น ในการวัดความพึงพอใจของลูกค้า

 

ค่า Cronbach's Alpha มีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 1 โดยค่าที่ยิ่งสูงจะบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือที่ดีขึ้น Cronbach's Alpha ถือเป็นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์แบบ Correlation ประเภทหนึ่งที่ตรวจสอบว่าคำถามในแบบสอบถามมีความสัมพันธ์กันอย่างไร

 

การวิเคราะห์ Reliability Test ใช้ในสถานการณ์แบบใด

 

การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือด้วย Cronbach's Alpha มักใช้กับแบบสอบถามที่มีคำถามหลายข้อที่ต้องการวัดตัวแปรเดียวกัน เช่น:

 

ตัวอย่าง:

  • แบบสอบถามวัดความพึงพอใจของลูกค้า: เช่น ความสะอาดของสถานที่, การให้บริการของพนักงาน, ความคุ้มค่าของสินค้า/บริการ

  • แบบสอบถามวัดความผูกพันของพนักงาน: เช่น การได้รับการสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา, โอกาสในการพัฒนา, ความรู้สึกภาคภูมิใจในการทำงาน

 

การใช้ Cronbach’s Alpha ไม่เหมาะสำหรับแบบสอบถามแบบใด?

 

  • แบบสอบถามที่มีคำถามเพียงคำถามเดียว: ในกรณีที่มีคำถามเพียงคำถามเดียวหรือมีจำนวนคำถามน้อยมาก การใช้ Cronbach's Alpha อาจไม่มีความหมาย เนื่องจากค่าทางสถิตินี้จะต้องการข้อมูลจากคำถามหลายๆ ข้อเพื่อทดสอบความสัมพันธ์ภายในชุดคำถาม

  • แบบสอบถามที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน: หากคำถามทั้งหมดในแบบสอบถามไม่มีความสัมพันธ์กัน หรือมีความหมายแตกต่างกันมาก การใช้ Cronbach's Alpha อาจทำให้ได้ค่าที่ไม่แท้จริงและไม่มีความหมาย

 

การวิเคราะห์ Reliability Test ทำได้อย่างไร?

 

การวิเคราะห์ Reliability Test มักเริ่มจากการทำ Pilot Test ซึ่งเป็นการทดสอบแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กก่อนการเก็บข้อมูลจริง ข้อมูลที่ได้จาก Pilot Test จะถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อหาค่า Cronbach's Alpha

 

ขั้นตอนในการทำ Pilot Test:

  1. การจัดทำแบบสอบถาม: สร้างแบบสอบถามที่ครอบคลุมหัวข้อที่ต้องการศึกษา

  2. การเลือกกลุ่มตัวอย่างสำหรับ Pilot Test: เลือกกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กที่มีลักษณะใกล้เคียงกับกลุ่มเป้าหมายจริง โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้กลุ่มตัวอย่างประมาณ 30-50 คน

  3. การเก็บข้อมูล: เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เลือก

  4. การวิเคราะห์ข้อมูล: ใช้โปรแกรมวิเคราะห์ทางสถิติ เช่น SPSS เพื่อคำนวณค่า Cronbach's Alpha

 

การตีความค่า Reliability Test

 

ค่า Cronbach's Alpha ที่ได้จากการวิเคราะห์จะบอกถึงความน่าเชื่อถือของแบบสอบถาม:

  • ค่า α > 0.9: ความน่าเชื่อถือสูงมาก

  • ค่า α 0.8-0.9: ความน่าเชื่อถือดี

  • ค่า α 0.7-0.8: ความน่าเชื่อถือพอใช้

  • ค่า α < 0.7: ความน่าเชื่อถือต่ำ ควรพิจารณาปรับปรุงแบบสอบถาม

 

หาก Reliability Test ไม่ผ่านควรทำอย่างไร?

 

หากค่า Cronbach's Alpha ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ยอมรับได้ (เช่น ต่ำกว่า 0.7) ควรพิจารณาปรับปรุงแบบสอบถาม โดยสามารถทำได้ดังนี้:

  • ตรวจสอบและแก้ไขคำถามที่ไม่สอดคล้องหรือไม่ชัดเจน: คำถามที่อาจทำให้ผู้ตอบสับสนหรือไม่เข้าใจ

  • เพิ่มคำถามใหม่ที่มีความสัมพันธ์กับตัวแปรที่ต้องการวัด: เพิ่มคำถามที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มความสอดคล้อง

  • ทบทวนและปรับปรุงคำถามให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกันมากขึ้น: แก้ไขคำถามให้ชัดเจนและตรงประเด็นมากขึ้น

 

สรุปความสำคัญของการทำ Reliability Test

 

การทำ Reliability Test เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการประเมินความน่าเชื่อถือของแบบสอบถาม ช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่เก็บรวบรวมมีความสอดคล้องและแม่นยำ ทำให้ผลการวิจัยมีความถูกต้องและน่าเชื่อถือ หากไม่ทำ Reliability Test ข้อมูลที่ได้อาจไม่สอดคล้องและทำให้ผลการวิจัยไม่แม่นยำ ดังนั้น การทำ Reliability Test จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามในการทำงานวิจัยทุกครั้ง

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ:

อีเมล์: info@datainvestigatorth.com

ไลน์: @datainvestigator

โทร: 063-969-7944

 

 

Comments


bottom of page